09 มี.ค. 2567

305

ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่าง SEO กับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม by seo-winner.com

ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่าง SEO กับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

ล่าสุดมีรายงานว่าค้นพบความเชื่อมโยงระหว่าง SEO กับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และวิธีที่ SEO สามารถช่วยกำหนดภูมิทัศน์ดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าสามารถทำให้เว็บมีความยั่งยืนมากขึ้น!

ในบทความนี้เราจะมาเปิดผลสำรวจ โดยเน้นการค้นพบที่สำคัญและคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่ต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม

เหตุใดความเชื่อมโยงระหว่าง SEO และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงมีความสำคัญ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการตระหนักของผู้คนที่จะช่วยจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเราตกเป็นหน้าที่ของพวกเราชาวโลกทุกคนไปแล้ว ไม่ว่าเราจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม และในฐานะ SEO เราอยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมในการช่วยสร้างปริมาณการเข้าชมเว็บ

ผู้คนมักต้องการค้นหาข้อมูลและผลิตภัณฑ์ออนไลน์ที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา และในฐานะ SEO เรามีโอกาสที่ดีในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำขอดังกล่าวถูกส่งไปยังธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง

ด้วยการเลือกและสนับสนุนลูกค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SEO สามารถช่วยกำหนดความต้องการในทิศทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบสุทธิอย่างมาก

กระผมคิดว่าSEO จำนวนมากไม่ได้เชื่อมโยงว่า เมื่อมีการเยี่ยมชมเว็บไซต์และผ่านการกระทำทางดิจิทัลทั้งหมดของเรา ไม่ว่าจะค้นหาบน Google หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เรากำลังสร้างการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมของการใช้ AI

ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหาก SEO สามารถช่วยผลักดันลูกค้าให้หันมาใช้แนวทางปฏิบัติทางเว็บที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเริ่มจากการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเว็บไซต์    

9 วิธีที่ SEO สามารถขับเคลื่อนการดำเนินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

จากการดำเนินการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามที่อาศัยอยู่ในยุโรป ทั้ง ฟรีแลนซ์/ที่ปรึกษา/ทำงานในบ้าน/เอเจนซี่ ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน SEO และอีคอมเมิร์ซ เห็นได้ชัดมากว่ามีคนจำนวนมากที่ใส่ใจหัวข้อนี้เป็นอย่างมาก ต่อไปนี้คือคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการจะไปต่อ

1. ตรวจสอบ Green Web Foundation – และตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเราโฮสต์โดยใช้พลังงานสีเขียวหรือไม่: สำหรับ Green Web Foundation ได้สร้าง ไลบรารี JavaScript แบบ Open-source ที่เรียกว่า CO2.js ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถประเมินการปล่อยก๊าซที่เกี่ยวข้องกับการใช้แอปเว็บไซต์ และซอฟต์แวร์ของตนได้! 

2. ใช้ตัววิเคราะห์ไฟล์บันทึก เช่น Screaming Frog และตรวจสอบการปล่อย CO2 ในไซต์ของเรา: สำหรับ Screaming Frog ได้รวม CO2.js ของ Green Web Foundation ไว้ในการอัปเดตล่าสุดของ Log File Analyzer และสามารถกำหนดค่าเพื่อค้นหาผลกระทบของ CO2 ของทั้งบอทและผู้ใช้

ซึ่งเราสามารถดูการประมาณการการปล่อย CO2 จากปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของเราเองหรือของลูกค้า ดังนั้นการวิเคราะห์ไฟล์บันทึกจะเป็นวิธีที่ดีในการกำหนดแผนเพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นบนโฮสต์เว็บของเรา

3. แบ่งพื้นที่เล็กๆ เพื่อให้ความรู้แก่ลูกค้าของเราเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเว็บไซต์: เมื่อเราใช้เครื่องมือเพื่อตรวจสอบปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เว็บไซต์สร้างขึ้น ทำไมไม่ใช้รายงานหรือผลลัพธ์เพื่อเริ่มการสนทนากับลูกค้าของเราละ เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากอาจขาดความรู้เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากเว็บไซต์ของตน 

ดังนั้นการแบ่งปันรายงานจากเครื่องมือเหล่านี้อาจเป็นวิธีที่ดีในการนำเสนอหัวข้อนี้ โดยเครื่องมือคำนวณคาร์บอนของเว็บไซต์โดย Wholegrain Digital เป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายและมีภาพ ลองดูนะ

4. ติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยใช้เครื่องมือเช่น Ecoping ต่อไป: การทราบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเว็บไซต์ของเราเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ดีไปกว่านั้นคือการมีแดชบอร์ดที่สามารถติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ทุกวัน ซึ่งช่วยให้เราสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป โดย Ecoping เป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วยให้เราทำเช่นนั้นได้

5. แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความยั่งยืนของเว็บให้มากขึ้นในหมู่เพื่อนร่วมงานและภายในชุมชน: หากเป็นไปได้ให้ลองเข้าร่วม MeetUps การตลาดดิจิทัลในท้องถิ่นหรือกิจกรรมอื่นๆ การค้นหาคนในพื้นที่ที่มีความสนใจคล้ายกันอาจเป็นวิธีที่ดีในการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง

6. คำนึงถึงการกระทำทางดิจิทัลของเราเองและผลกระทบที่เกิดขึ้น: การวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีการปล่อย CO2 มากถึง 91 กิโลกรัม (มากกว่า 200 ปอนด์เล็กน้อย) สำหรับโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องที่ผลิต เกือบครึ่งหนึ่งของ CO2 (43%) ที่สร้างขึ้นหรือใช้ในช่วงวงจรชีวิตของโทรศัพท์มือถือเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนของวัตถุดิบ 

ซึ่งเกิดจากเครื่องจักรที่ใช้ในการค้นพบ สกัด และกลั่นปิโตรเลียมที่จำเป็นในการผลิตพลาสติก ดังนั้นการใช้โทรศัพท์เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี แทนที่จะเป็น 2-3 ปีโดยทั่วไป ผลกระทบด้านคาร์บอนต่อปีในการใช้งานสามารถลดลงได้ 50% และผลกระทบจากน้ำอาจลดลงครึ่งหนึ่ง

7. เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ (หรือการเปลี่ยนผ่าน) การออกแบบเว็บไซต์คาร์บอนต่ำ: แม้ว่าทุกคนอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่การเปลี่ยนมาใช้การออกแบบเว็บไซต์แบบคาร์บอนต่ำ หรือแม้แต่ทำให้เว็บไซต์ของเรามีคาร์บอนน้อยลง ก็จะเป็นวิธีที่ดีในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเราเอง 

โดย Nick Lewis นักพัฒนาเว็บที่ยั่งยืนยังได้สร้างเว็บไซต์ที่นำเสนอเว็บไซต์ที่มีคาร์บอนต่ำอีกด้วย จากการสอบถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาบอกว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการสร้างไซต์ที่มีคาร์บอนต่ำ

8. การประชุม Pitch พูดถึงความยั่งยืนของ SEO และทำให้เว็บเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น: ครั้งต่อไปที่มีการประชุม SEO, การตลาดดิจิทัล หรือนักพัฒนาเว็บ ควรยอมรับหัวข้อพูดคุยใหม่ๆ ทำไมไม่ลองเสนอหัวข้อเพื่อทำให้เว็บเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นล่ะ หรือจะเป็นการโพสต์บนบล็อก พ็อดคาสท์ และแม้แต่เนื้อหาโซเชียลมีเดียที่ยอดเยี่ยม

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับนักพัฒนาเว็บสำหรับโลกสมัยใหม่ที่มีการตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นมากด้วย ช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อคุณภาพชวิตของผู้คนในสังคม และอนาคตของลูกหลานของเรานะครับ

 

 

---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก: searchengineland

 

บทความ

ทำไมต้องทำ On-Page และ Off-Page เว็บไซต์

ทำไมต้องทำ On-Page และ Off-Page เว็บไซต์

ทำไมต้องทำ On-Page และ Off-Page เว็บไซต์ เป็นสองส่วนสำคัญที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้เว็บไซต์ โดดเด่นและติดอันดับสูงในผลการค้นหาของ Google ... อ่านเพิ่มเติม

Google Search Central มีช่องทางติดต่อใน LinkedIn แล้ว

Google Search Central มีช่องทางติดต่อใน LinkedIn แล้ว

Google Search Central มีช่องทางการติดต่ออย่างเป็นทางการบน LinkedIn แล้ว เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2024 เป็นช่องทางในการติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดจาก Search Engine ... อ่านเพิ่มเติม

Digital Content Writer สำคัญกับการทำ SEO อย่างไร?

Digital Content Writer สำคัญกับการทำ SEO อย่างไร?

Digital Content Writer นักเขียนเนื้อหาออนไลน์ มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อกลยุทธ์ SEO เปรียบเสมือนฟันเฟืองหลักที่ขับเคลื่อนให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ... อ่านเพิ่มเติม

อยากติด Top 10 ของ Google ต้องทำ SEO OFF PAGE

อยากติด Top 10 ของ Google ต้องทำ SEO OFF PAGE

อยากติด Top 10 ของ Google ต้องทำ SEO OFF PAGE เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ SEO ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้น Traffic มากขึ้น แบรนด์หรือธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

Content กับ SEO

Content กับ SEO

Content กับ SEO เป็นคู่หูที่ขาดไม่ได้สำหรับความสำเร็จในการทำเว็บไซต์ การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและการใช้เทคนิค SEO อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เว็บไซต์เติบโตและดึงดูดผู้ชมเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ... อ่านเพิ่มเติม

Keyword Research หัวใจของการทำ SEO

Keyword Research หัวใจของการทำ SEO

Keyword Research หัวใจของการทำ SEO เปรียบเสมือนการแข่งขันวิ่งมาราธอน เป้าหมายคือการนำเว็บไซต์ไปสู่หน้าแรกของผลการค้นหา เปรียบเสมือนแผนที่และเข็มทิศที่จะนำพาไปสู่ชัยชนะ ... อ่านเพิ่มเติม

การจัดหมวดหมู่เนื้อหา กับ SEO

การจัดหมวดหมู่เนื้อหา กับ SEO

การจัดหมวดหมู่เนื้อหา กับ SEO เป็นจัดกลุ่มเนื้อหาบนเว็บไซต์ตามหัวข้อที่เกี่ยวข้องช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหา เพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้ และช่วยให้สร้างโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีขึ้นด้วย ... อ่านเพิ่มเติม

 On-Page SEO คืออะไร

On-Page SEO คืออะไร

On-Page SEO หมายถึง การปรับแต่งเนื้อหาและองค์ประกอบต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้เหมาะสมต่อทั้งผู้ใช้งานและตัวอัลกอริทึมของ Search Engine ทำให้เข้าใจได้ง่ายว่า เว็บไซต์กำลังพูดถึงเรื่องอะไร เกี่ยวข้องกับอะไร ... อ่านเพิ่มเติม

Digital Entertainment กับการทำ  SEO

Digital Entertainment กับการทำ SEO

Digital Entertainment กับการทำ SEO มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจปัจจุบัน เพราะผู้คนใช้เวลากับสื่อดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ Digital Entertainment ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตผู้คนทั่วโลก และเติบโตอย่างรวดเร็ว ... อ่านเพิ่มเติม